เมื่อเครื่องปรับอากาศ เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น หลายคนได้ศึกษาข้อดี ข้อเสียของแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อจะได้เครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมกับความต้องการของตัวเองมากที่สุด แต่น้อยคนที่จะรู้จักวิธีดูแลรักษาเครื่องปรับอากาศ เพื่อยืดอายุการใช้งานไว้ให้นาน ๆ ซึ่งในวันนี้เรามีเทคนิคง่าย ๆ ช่วยถนอมเครื่องปรับอากาศให้ใช้งานได้นาน ๆ มาฝากกัน
เทคนิคการดูแลรักษาแอร์
1. หมั่นถอดล้างแผ่นกรองอากาศ
แผ่นกรองอากาศหรือฟิลเตอร์แอร์ เป็นชิ้นส่วนสำคัญที่คอยทำหน้าที่ดักจับฝุ่นละอองในอากาศไม่ให้เข้าไปถึงคอยล์เย็น หากไม่ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอจะเกิดการสะสมอุดตันของฝุ่นและสิ่งสกปรกต่างๆ ส่งผลให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักและไม่เย็นเท่าที่ควร หรืออาจทำให้มีน้ำแข็งเกาะที่คอยล์เย็น และมีน้ำหยดจากตัวเครื่อง ฟิลเตอร์มีลักษณะเป็นแผ่นตะแกรงที่มักทำจากใยสังเคราะห์และมีโครงเป็นพลาสติก อยู่ใต้บริเวณหน้ากากหรือฝาหน้าของแอร์
2. ทำความสะอาดแผงคอยล์เย็น
แผงคอยล์เย็น มีลักษณะเป็นท่อที่ขดไปมาตามความยาวของเครื่องปรับอากาศ ซึ่งจะถูกห่อหุ้มไว้ด้วยแผ่นครีบอะลูมิเนียมบางๆ เป็นซี่ถี่ ทำหน้าที่เป็นตัวสร้างความเย็น โดยภายในจะมีสารทำความเย็นไหลเวียนอยู่ ทำงานร่วมกับพัดลมในการรับและส่งลมเย็นเข้าสู่ห้อง
เมื่อถอดหน้ากากของเครื่องออกจะเห็นแผงคอยล์เย็นได้ทันที บางรุ่นอาจอยู่บริเวณใต้ฟิลเตอร์ และจะสังเกตได้ถึงฝุ่นผงขนาดเล็กที่สามารถลอดผ่านฟิลเตอร์เข้ามา ซึ่งเมื่อนานไปจะจับตัวหนาขึ้นจนอากาศไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ ทำให้ประสิทธิภาพของระบบทำความเย็นลดลงได้เช่นเดียวกับปัญหาฟิลเตอร์ตัน
3. กำจัดฝุ่นบริเวณใบพัดลมคอยล์เย็น
ใบพัดลมคอยล์เย็นหรือ โบลเวอร์ คือบริเวณที่มีลมเย็นออกมา มีลักษณะเป็นช่องๆ เรียงตัวตามแนวยาว ทำหน้าที่ช่วยให้เกิดการไหลเวียนของลม บริเวณนี้มักจะมีฝุ่นผงมาเกาะตัว ส่งผลให้ร่องดักลมของใบพัดอุดตัน ส่งลมเย็นออกไปได้น้อยลง ทำให้ต้องใช้เวลานานขึ้นในการทำความเย็น และเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เครื่องปรับอากาศกินไฟมากขึ้น นอกจากนี้ฝุ่นหนาที่จับตัวอาจทำให้ใบพัดมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นและเสียสมดุลจนเกิดเสียงดังขณะเครื่องทำงานได้
4. ล้างถาดรองรับน้ำทิ้งและตรวจสอบท่อน้ำทิ้ง
นอกจากแผงคอยล์เย็นและใบพัดลมคอยล์เย็น ถาดรองรับน้ำและท่อน้ำทิ้งก็เป็นอีกส่วนที่ควรได้รับการดูแลไปพร้อมกัน เพราะเป็นบริเวณที่น้ำที่เกิดจากการกลั่นตัวของไอน้ำไหลไปรวมกัน ซึ่งนานวันอาจเกิดเป็นเมือกและเป็นแหล่งสะสมของเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียต่างๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพของคนในบ้านได้
5. หมั่นเช็ดทำความสะอาดบริเวณโครงเครื่อง หน้ากากรับลม และหน้ากากจ่ายลม
ตัวเครื่องปรับอากาศบริเวณที่เป็นโครงสร้างหรือพื้นผิวภายนอกนั้นควรมีการทำความสะอาดหรือใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดถูเป็นประจำ หรือจะถอดออกมาล้างก็ได้
6. ดูแลบริเวณชุดคอยล์ร้อนอย่าให้มีสิ่งกีดขวาง
ไม่ใช่แค่ชุดคอยล์เย็นเท่านั้นที่ต้องหมั่นดูแล ชุดคอยล์ร้อนที่อยู่บริเวณนอกบ้านเป็นอีกส่วนที่ไม่ควรละเลยเช่นกัน เพราะฝุ่นและสิ่งสกปรกต่างๆ อาจเข้าไปอุดตันหรือขัดขวางช่องทางระบายลมร้อนและส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ทำให้เย็นน้อยลงหรือกินไฟมากกว่าปกติ
7. เปิดใช้งานเครื่องปรับอากาศเป็นระยะ
แม้จะเป็นช่วงฤดูหนาวที่อากาศไม่ร้อนหรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน ก็ควรคอยเปิดใช้งานเป็นระยะๆ เพื่อให้แน่ใจว่าตัวเครื่องยังทำงานเป็นปกติ และเพื่อป้องกันแมลงหรือสัตว์เล็กเข้าไปทำรัง ซึ่งอาจส่งผลต่อการทำงานของเครื่องและนำมาซึ่งกลิ่นอับหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้
8. ลดภาระของเครื่องปรับอากาศให้มากที่สุด
ระหว่างเปิดใช้งานควรตรวจสอบหน้าต่างและประตูให้ปิดสนิท และไม่ควรใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานความร้อนซึ่งจะส่งผลให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อลดอุณหภูมิห้อง เช่น ไมโครเวฟ เตาอบ หม้อหุงข้าว เป็นต้น
และด้วยเทคโนโลยีความทันสมัยของแอร์ ทุกวันนี้เมื่อแอร์ขัดข้องมีปัญหา ก็จะมี ERRORCODE โชว์ เพื่อบอกว่าสาเหตุเกิดจากอะไรควรไปตรวจเช็คที่ใด ซึ่งก็จะง่ายต่อการซ่อมบำรุง
ตัวอย่าง ERROR CODE ของแอร์ยี่ห้อ CENTRAL AIR รุ่น IVG SERIES
1. E1 ระบบป้องกันแรงดันของน้ำยาสูงเกินปกติ
การแก้ไข
-ตรวจสอบระดับน้ำยา
– เช็คความสกปรกและสิ่งกีดขวางที่คอนเดนซิ่ง ทำการล้างทำความสะอาดและนำสิ่งกีดขวางออก
2. E2 ระบบป้องกันการเป็นน้ำแข็ง
การแก้ไข
-เช็ครอยรั่ว เมื่อพบรอยรั่วควรทำการเชื่อมรั่ว
-หลังจากเชื่อมรั่วแล้ว ให้ทำการเวคคั่มเติมน้ำยาในระบบในปริมาณที่เหมาะสม
-ทำความสะอาดแฟนคอยล์ ฟิลเตอร์
3. E4 ระบบป้องกันอุณหภูมิสูงจากคอมเพรสเซอร์
การแก้ไข
-ตรวจสอบระดับน้ำยา , ตรวจสอบ CAPILLARY
-ตรวจสอบการระบายความร้อน และพัดลมระบายความร้อน
4. E5 ระบบป้องกันกระแสเกิน
การแก้ไข
-ตรวจสอบ MAIN POWER
-ตรวจสอบการระบายความร้อน
5. E6 การติดต่อสื่อสารระหว่างแฟนคอยล์และคอนเดนซิ่งมีปัญหา
การแก้ไข
-ตรวจสอบสายสัญญาณ
-ตรวจสอบแผง CONTROLLER BOARD
6. E8 ระบบป้องกันกระแสไฟฟ้าสูงกว่ากำหนด
การแก้ไข
-เช็คความสกปรกของคอนเดนซิ่งและสิ่งกีดขวาง
-ทำการล้างทำความสะอาดและนำสิ่งกีดขวางออก
7. H3 ระบบป้องกันกระแสของคอมเพรสเซอร์
การแก้ไข
-ตรวจสอบ DISCHARGE TEMP มากกว่า 110 องศา
-ตรวจสอบกระแส คอมเพรสเซอร์
8. H6 มอเตอร์แฟนคอยล์ไม่ทำงาน
การแก้ไข
-ตรวจสอบแผง PCB และสายไฟ
-ตรวจสอบมอเตอร์และทิศทางการหมุน
9. F1 แฟนคอยล์ อุณหภูมิเซ็นเซอร์ขาดหรือช็อต
การแก้ไข
-ตรวจสอบเซ็นเซอร์และสายต่อที่แผง PCB
10. F2 แฟนคอยล์ คอยล์เซนเซอร์ขาดหรือช็อต
การแก้ไข
-ตรวจสอบเซ็นเซอร์และสายต่อที่แผง PCB
11. F3 คอนเดนซิ่ง อุณหภูมิเซ็นเซอร์ขาดหรือช็อต
การแก้ไข
-ตรวจสอบเซ็นเซอร์และสายต่อที่แผง PCB
12. F4 คอนเดนซิ่ง คอยล์เซนเซอร์ขาดหรือช็อต
การแก้ไข
-ตรวจสอบเซ็นเซอร์และสายต่อที่แผง PCB
13. F5 ท่อฉีดน้ำยา เซนเซอร์ขาดหรือช็อต
การแก้ไข
-ตรวจสอบเซ็นเซอร์และสายต่อที่แผง PCB
14. F0 แอร์เป็นน้ำแข็ง / แอร์ไม่เย็น
การแก้ไข
-เช็ครอยรั่ว เมื่อพบรอยรั่วควรทำการเชื่อมรั่ว
-หลังจากเชื่อมรั่วแล้ว ให้ทำการเวคคั่มเติมน้ำยาในระบบในปริมาณที่เหมาะสม
แอร์แต่ละรุ่นอาจจะมี CODE ที่แตกต่างกัน แต่ถ้าเรารู้และเข้าใจ ERROR CODE ได้แล้ว การดูแลและซ่อมบำรุงแอร์ก็จะทำได้ง่ายขึ้น แก้ปัญหาได้ตรงจุด รวดเร็ว ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ทั้งนั้นการปฏิบัติจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัย หากไม่มีความชำนาญไม่ควรจะดำเนินการเพียงลำพัง ควรปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากช่าง เพื่อแก้ปัญหาจะดีกว่า